ครูปฐมวัยกับพ่อแม่ เบ้าหลอมสำคัญในการพัฒนาเด็กปฐมวัย
Student blog — 27/08/2025

ในการเติบโตของเด็กปฐมวัย ผู้ที่ร่วมกันพัฒนาให้เด็กมีพัฒนาการด้านต่าง ๆ สมวัย คือบุคคลสำคัญที่อยู่รอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูปฐมวัย หากเปรียบเทียบกลุ่มบุคคลที่เป็นครูคนแรกของเด็กคือ พ่อแม่ ผู้ซึ่งวางรากฐานพัฒนาการแห่งชีวิตให้กับเด็ก ทั้งการอบรมเลี้ยงดู การชี้แนะในการใช้ชีวิตประจำวันก่อนที่จะเข้าสู่การเรียนรู้ในระบบโรงเรียน บุคคลกลุ่มที่สองที่เป็นผู้ดูแลเด็ก คือ ครูปฐมวัย ผู้เปรียบเหมือนพ่อแม่คนที่สองในช่วงเวลากลางวันที่เด็กอยู่โรงเรียน ครูปฐมวัยทำหน้าที่ในการดูแล จัดกิจกรรมให้เด็กเรียนรู้ผ่านการเล่น ฝึกให้เด็กดูแลตัวเอง รวมถึงรับผิดชอบเรื่องส่วนตัวและส่วนรวมตามลำดับ จึงจะเห็นได้ว่า การเลี้ยงลูกของพ่อแม่ และการเลี้ยงลูกศิษย์ของครูปฐมวัย ต่างมีเป้าหมายเดียวกันที่ชัดเจน คือการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กให้สมวัย
พ่อแม่ เบ้าหลอมแรกของการพัฒนาเด็กปฐมวัย
พ่อแม่ เป็นบุคคลกลุ่มแรกที่เป็นผู้วางรากฐานการพัฒนาการแห่งชีวิตให้กับเด็กก่อนที่จะเข้าสู่การเรียนรู้ในระบบโรงเรียน บทบาทของพ่อแม่ครอบคลุมตั้งแต่การอบรมเลี้ยงดู การชี้แนะ และให้คำปรึกษาแก่เด็ก ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับเด็ก รวมทั้งการแสดงอารมณ์ของพ่อแม่ที่ตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของเด็ก ล้วนมีผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์และสังคมของเด็กแทบทั้งสิ้น ส่วนใหญ่การเลี้ยงดูเด็กจากพ่อแม่ มักจะเป็นการเลี้ยงดูเหมือนอย่างที่ตนได้รับการเลี้ยงดูมา เลี้ยงตามอารมณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า หรือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในขณะนั้น ๆ
ในฐานะครูปฐมวัยที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ ควรทำหน้าที่สร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่พ่อแม่ รวมไปถึงการให้คำปรึกษาในการเลี้ยงดูเด็กอย่างถูกวิธี โดยประเด็นแรก ๆ ที่ควรให้ความรู้ ความเข้าใจ แก่พ่อแม่ คือ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี เนื่องจากความสัมพันธ์ของพ่อแม่หากมีมากเท่าใดก็จะสร้างรากฐานที่มั่นคงให้เด็ก ๆ ได้เชื่อมั่น และมั่นใจว่าพวกเขามีคนที่คอยดูแลและให้กำลังใจ นำไปสู่ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่แน่นแฟ้น และกลมกลืนยิ่งขึ้น
ในฐานะครูปฐมวัยที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ ควรทำหน้าที่สร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่พ่อแม่ รวมไปถึงการให้คำปรึกษาในการเลี้ยงดูเด็กอย่างถูกวิธี โดยประเด็นแรก ๆ ที่ควรให้ความรู้ ความเข้าใจ แก่พ่อแม่ คือ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี เนื่องจากความสัมพันธ์ของพ่อแม่หากมีมากเท่าใดก็จะสร้างรากฐานที่มั่นคงให้เด็ก ๆ ได้เชื่อมั่น และมั่นใจว่าพวกเขามีคนที่คอยดูแลและให้กำลังใจ นำไปสู่ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่แน่นแฟ้น และกลมกลืนยิ่งขึ้น
แล้วครูปฐมวัยควรให้คำปรึกษาพ่อแม่อย่างไรในการสร้างความสัมพันธ์กับลูก?
หนึ่งในเทคนิคในการสร้างความสัมพันธ์ คือ การเลี้ยงลูกเชิงบวก เป็นหนึ่งในเทคนิคที่ก่อให้เกิดเป็นความผูกพันระหว่างพ่อแม่และลูก ที่มิใช่เป็นเพียงการสร้างความสัมพันธ์ แต่ยังเป็นการวางรากฐานให้กับลูก ในการเป็นบุคคลที่เข้มแข็ง มั่นใจ และมีเมตตากรุณา ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- การเป็นผู้ฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening) การฟังเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการสื่อสารระหว่างพ่อแม่และลูก การเป็นผู้ฟังอย่างตั้งใจจะช่วยให้ลูกรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่พ่อแม่มีต่อความคิดและอารมณ์ของลูก การสบตา การฟังอย่างตั้งใจ การมีส่วนร่วมในการรับรู้ความรู้สึกของลูก จะช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยและเปิดกว้างให้ลูกได้แสดงออกเกี่ยวกับอารมณ์อย่างแท้จริง และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างพ่อแม่และลูกได้เป็นอย่างดี
- การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ (Effective Communication) พ่อแม่ควรเลือกใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย สามารถสื่อสารความคิดเห็นหรือความรู้สึกระหว่างพ่อแม่และลูกได้ การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจะทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัย กล้าที่จะพูดคุย เล่าเรื่องราวที่พบเจอในชีวิตประจำวัน โดยในขณะที่พูดคุย พ่อแม่ควรรับฟัง ไม่ขัดแย้งในบทสนทนา และพยายามมองในมุมมองของลูกอย่างตั้งใจ การแสดงออกเช่นนี้จะส่งผลให้ลูกเกิดความรู้สึกไว้วางใจและพร้อมที่จะเปิดกว้างทางการแสดงออกมากขึ้น
- การกำหนดขอบเขตและความคาดหวังที่ชัดเจน (Setting Boundaries and Consistency) เป็นสิ่งที่พ่อแม่จะบอกได้ว่าลูกควรจะมีขีดจำกัดในการยอมรับการกระทำหรือคำพูดของบุคคลอื่นอย่างไร เรียนรู้กฎระเบียบในสังคม และสนับสนุนให้ลูกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ให้ลูกรู้ถึงความรับผิดชอบของตนเอง และเคารพผู้อื่น
- การเสริมแรงเชิงบวก (Positive Reinforcement) เป็นหนึ่งในเครื่องมือในการหล่อหลอมพฤติกรรมที่ดีในกับลูก ไม่ว่าจะเป็นการชมเชย การย้ำถึงจุดแข็งของลูก การพูดถึงความพยายามในการกระทำสิ่งต่าง ๆ ของลูก สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เสริมสร้างพฤติกรรมเชิงบวกให้กับลูก ทำให้ลูกเกิดพลัง เกิดความมั่นใจในตนเอง รวมถึงความมั่นคงในความรู้สึก
- การเป็นต้นแบบในการแสดงออก (Modeling Behavior) การแสดงออกของพ่อแม่เปรียบเสมือนแม่แบบของลูก หากพ่อแม่เป็นแบบอย่างพฤติกรรมเชิงบวก ทั้งในด้านการจัดการอารมณ์ การควบคุมและการแสดงออกความรู้สึก การเป็นแบบอย่างที่ดีจะช่วยให้ลูกได้รับการชี้นำให้เติบโตไปเป็นบุคคลที่มีความฉลาดทางอารมณ์ มีความเห็นอกเห็นใจ และส่งผลกระทบในเชิงบวกกับคนรอบข้าง ทั้งยังส่งเสริมให้พ่อแม่และลูกมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอีกด้วย
- การมีเวลาคุณภาพร่วมกันและความผูกพัน (Quality time and Bonding) การมีส่วนร่วมในกิจกรรมร่วมกัน เป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างพ่อแม่กับลูก โดยกิจกรรมที่ทำร่วมกันสามารถใช้กิจกรรมง่าย ๆ ภายในครอบครัว เช่น การออกกำลังกาย การเล่นเกมร่วมกัน หรือ การไปเดินห้างสรรพสินค้าร่วมกัน กิจกรรมต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้พ่อแม่และลูก เกิดเสียงหัวเราะ และความรู้สึกว่าทุกคนเป็นส่วนหนึ่งภายในครอบครัว
- การส่งเสริมทางอารมณ์และความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของผู้อื่น (Emotional Support and Empathy) เป็นรากฐานสำคัญในการบ่มเพาะสุขภาวะทางอารมณ์แก่เด็ก พ่อแม่สามารถช่วยพัฒนาอารมณ์ของเด็กได้โดยการที่เข้าไปช่วยเหลือลูกเมื่อลูกเจอปัญหาที่ท้าทายและต้องการความช่วยเหลือ นั่นจะแสดงให้เห็นว่า พ่อแม่เป็นคนที่เค้าสามารถไว้วางใจได้ เป็นพื้นที่ปลอดภัยในการให้เค้าได้แสดงออกโดยปราศจากการตัดสิน อีกทั้งหากลูกมีสุขภาวะทางอารมณ์ที่เข้มแข็งแล้วนั้น ก็จะทำให้เค้ามีความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของผู้อื่น และปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
- การสอนทักษะชีวิต (Teaching Life Skills) เป็นหนึ่งในทักษะที่จะทำให้ลูกได้พัฒนาตนเอง และเป็นบุคคลที่พึ่งพาตนเองได้ โดยพ่อแม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน เช่น การมอบหมายให้รับผิดชอบงานบ้าน การฝึกตัดสินใจกิจกรรมที่ทำร่วมกันภายในบ้าน
- การอดทนและการทำความเข้าใจ (Patience and Understanding) การทำความเข้าใจพัฒนาการและความท้าทายของลูกในแต่ละช่วงวัย เป็นสิ่งที่พ่อแม่ต้องใช้ความอดทนที่จะเรียนรู้ และทำความเข้าใจ หากพ่อแม่อ่อนล้าหรือท้อแท้ ก็ควรที่จะพักผ่อน เพื่อเติมพลังกาย และพลังใจให้ตนเอง โดยอาจจะหาข้อมูลจากบุคคลใกล้ชิดเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกมากยิ่งขึ้น
หากครูปฐมวัย ทราบถึงเทคนิคการเลี้ยงลูกเชิงบวก สร้างความเข้าใจแก่พ่อแม่ รวมถึงให้คำปรึกษาในการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยอย่างถูกวิธี ก็จะทำให้พ่อแม่นำไปเลี้ยงดูลูกของตนได้อย่างมีคุณภาพต่อไป
ที่มา : https://wellspringprevention.org/blog/positive-parenting-techniques/
ผู้เขียน : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ฌลาพิชญ์ บุญจิตสิทธิ์ศักดิ์
📱สนใจสมัครเรียนหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ:
– คณะการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
– โทร: 02-6976664-5
– เว็บไซต์: https://ece.utcc.ac.th
– Facebook: https://www.facebook.com/EarlyChildhoodUTCC
– Instagram: ece.utcc
– TikTok: ece.utcc
#อยากเป็นครู #ศึกษาศาสตร์ #ม.เอกชน #ครูปฐมวัย #ครูอนุบาล #เรียนต่อปริญญาตรี #UTCC #การศึกษาไทย
แชร์บทความนี้